เชลซี พบ ลิเวอร์พูล

หน้าแรก  >  บทความ  >  

เชลซี พบ ลิเวอร์พูล

04/10/2025

เชลซี พบ ลิเวอร์พูล วันที่แข่งขัน: วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2568 รายการ: พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2025/26 สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน) เวลา: โปรดตรวจสอบเวลาคิกออฟอัปเดตใกล้วันแข่งจากแหล่งข้อมูลทางการของพรีเมียร์ลีก/สโมสร

สถานการณ์ของทั้งสองทีม

นี่คือเกมบิ๊กแมตช์ของพรีเมียร์ลีกช่วงต้นฤดูกาลซึ่งมีนัยต่อทั้งโทนการแข่งขันและเป้าหมายท็อปโฟร์/ลุ้นแชมป์ของทั้งสองฝั่ง เชลซีในยุคของโค้ชที่เน้นเกมบิลด์อัพและการครองบอล (ปรัชญาแนว 3-2-4-1 ในเฟสขึ้นเกม, ฟูลแบ็กอินเวิร์ต, ใช้เอียงข้างเพื่อสร้างโอเวอร์โหลดในครึ่งช่อง) เดินหน้าพัฒนาความต่อเนื่องจากปลายซีซันก่อน โดยแกนกลางอย่าง มอยเซส ไคเซโด, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และคริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (เมื่อฟิต) คือโครงสร้างที่ทำให้เกมรุกไหลลื่นขึ้น

ลิเวอร์พูลภายใต้การวางระบบที่ต่อยอดจากยุคก่อน สลับใช้ 4-3-3/4-2-3-1 ตามแมตช์อัพ แต่ยังยึดแนวคิดเกเก้นเพรสซิ่ง ความเข้มข้นการไล่แย่งบอลตำแหน่งสอง และการขึ้นเกมริมเส้นที่ฉาบด้วยคุณภาพของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รวมถึงการเคลื่อนที่ในพื้นที่สุดท้ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ และดาร์วิน นูเญซ จุดชี้ขาดจึงมักอยู่ที่ความละเอียดในแดนกลางและทรานซิชั่นช่วง 5-8 วินาทีหลังแย่งบอลได้/เสีย

แรงจูงใจ: เชลซีต้องการพิสูจน์ศักยภาพเกมใหญ่ในบ้าน ขณะที่ลิเวอร์พูลมองหาแต้มแบบมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาจังหวะลุ้นกลุ่มหัวตาราง การชนะเกมชนกลุ่มใหญ่โดยตรงมีผลต่อตัวชี้วัดความมั่นใจและตารางคะแนนอย่างมีนัยสำคัญ

สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด (Head to Head)

  • 25 ก.พ. 2024: ลิเวอร์พูล 1-0 เชลซี (คาราบาว คัพ รอบชิงฯ, ต่อเวลาพิเศษ) – เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ทำประตูชัย
  • 31 ม.ค. 2024: ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
  • 13 ส.ค. 2023: เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
  • 4 เม.ย. 2023: เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
  • 21 ม.ค. 2023: ลิเวอร์พูล 0-0 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

แนวโน้ม: 5 นัดหลัง ลิเวอร์พูลเหนือกว่าในผลลัพธ์รวม โดยเฉพาะเกมสำคัญในเวมบลีย์และเกมเหย้าที่แอนฟิลด์ ขณะที่เกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์สูสีและสกอร์ต่ำบ่อย เชลซีได้เปรียบเล็กน้อยจากเสียงเชียร์ในบ้าน แต่ประสิทธิภาพทรานซิชั่นและลูกตั้งเตะของลิเวอร์พูลยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ทีมเยือนดูคมกว่า

ฟอร์ม 5 นัดหลังของทีมเจ้าบ้าน

หมายเหตุ: ส่วนนี้อ้างอิงฟอร์มช่วงโค้งสุดท้ายฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2023/24 ซึ่งเป็นข้อมูลยืนยันได้จากฐานข้อมูลสาธารณะ ทั้งนี้โปรดตรวจสอบฟอร์มล่าสุดก่อนเกมจากแหล่งข้อมูลสด (SofaScore/WhoScored/เว็บไซต์สโมสร)

เชลซีช่วงปิดซีซัน 2023/24 ปรับสปีดได้ดีและเก็บชัยชนะต่อเนื่อง: ชนะ บอร์นมัธ 2-1 (เหย้า), ชนะ ไบรท์ตัน 2-1 (เยือน), ชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 3-2 (เยือน), ชนะ เวสต์แฮม 5-0 (เหย้า), ชนะ สเปอร์ส 2-0 (เหย้า) สรุป 5 นัด: ชนะ 5, ได้ 14, เสีย 4, คลีนชีต 2 จุดเด่นคือการบุกหลากหลายกว่าเดิม ใช้เกมโต้กลับความเร็วสูงผสมกับการเซ็ตเพลย์จากครึ่งช่อง และการเติมของวิงแบ็ก/ฟูลแบ็กด้านนอก

ฟอร์ม 5 นัดหลังของทีมเยือน

หมายเหตุ: อ้างอิงช่วงท้ายฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2023/24 (ข้อมูลยืนยันได้จากฐานข้อมูลสาธารณะ) โปรดตรวจสอบฟอร์มล่าสุดก่อนเกมจากแหล่งข้อมูลสด

ลิเวอร์พูลปิดฤดูกาลด้วยสมดุลผลลัพธ์: ชนะ วูล์ฟส์ 2-0 (เหย้า), เสมอ แอสตัน วิลลา 3-3 (เยือน), ชนะ สเปอร์ส 4-2 (เหย้า), เสมอ เวสต์แฮม 2-2 (เยือน), แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 (เยือน) สรุป 5 นัด: ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1, ได้ 11, เสีย 9, คลีนชีต 1 ไฮไลต์คือเกมรุกยังผลิตสกอร์สม่ำเสมอ แต่มีช่วงหลุดจังหวะเกมรับในแมตช์เยือนบางนัด โดยเฉพาะการป้องกันคอนเตอร์และลูกเซตเพลย์ด้านไกล

แท็คติกและจุดเปลี่ยนของเกม

การวางหมากของเชลซี: เน้นบิลด์อัพสามตัวจากแดนหลัง (CB+LB/ฟูลแบ็กอินเวิร์ต) สร้างคู่กลาง 2 คนต่ำ (เช่น ไคเซโด + เอ็นโซ่) เพื่อดึงบล็อกเพรสของลิเวอร์พูลให้สูงขึ้น แล้วแทงผ่านไลน์สู่ตัวสร้างสรรค์ระหว่างไลน์อย่าง คอเนอร์ กัลลาเกอร์/เอ็นคุนคู หน้าต่ำ จุดเปลี่ยนจะอยู่ที่ความกล้าเล่นเสี่ยงในโซน 1-2 หากหลุดเพรสแรกได้ เชลซีจะได้วิ่งเข้าพื้นที่ว่างของฮาล์ฟสเปซทันที โดยวิงเกอร์ฝั่งซ้าย/ขวาต้องวิ่งกินหลังฟูลแบ็กลิเวอร์พูลให้ต่อเนื่อง

การวางหมากของลิเวอร์พูล: โครง 4-3-3/4-2-3-1 ที่ยืดหยุ่น เทรนต์จะอินไซด์เข้ากลางเป็น “QB” จ่ายบอลยาวสลับฝั่ง/แทงทะลุให้ตัวรุกสามประสาน การเพรสซิ่งเริ่มจากทรานซิชั่นเชิงรุก หลังแย่งบอลได้ 5-8 วินาทีแรกจะเร่งสปีดเข้าพื้นที่สุดท้าย จุดเปลี่ยนคือการบีบแคนแนลด้านในของเชลซีให้เลี้ยวออกข้าง แล้วดักเก็บบอลสองด้วยแม็ค อัลลิสเตอร์/ซโบสไล หากชนะบอลในเทรินโอเวอร์สูง ลิเวอร์พูลจะมีจังหวะจบที่อันตราย

ลูกตั้งเตะ: ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในทีมที่สร้างอันตรายจากลูกเตะมุม/ฟรีคิกมากที่สุดของลีกในฤดูกาลหลังๆ จากความแข็งแกร่งของ ฟาน ไดค์ และการวางบอลของเทรนต์ ขณะที่เชลซีมีพัฒนาการในการเข้าทำจากท่าซ้อม แต่ต้องระวังการยืนโซนประกบด้านไกลซึ่งเคยเป็นจุดเปราะ

แดนกลาง: ดวลความเร็วในการตัดสินใจ ไคเซโด-เอ็นโซ่ vs แม็ค อัลลิสเตอร์-ซโบสไล/กราเฟนเบิร์ค ใครควบคุมจังหวะได้จะกำหนดเฟสของเกม หากเชลซีจ่ายทะลุเพรสแรกได้ต่อเนื่อง เกมจะเอียงเข้าหาเจ้าบ้าน แต่หากลิเวอร์พูลดักเทิร์นโอเวอร์กลางทางได้ เกมจะเป็นของทีมเยือน

คาดการณ์ 11 ตัวจริง

ทีมเจ้าบ้าน

  • GK: โดมินิค โควาร์ซาร์/ชูตัวจริงที่ใช้งานต่อเนื่อง (ดีเจ โปโตรวิชในฤดูกาลก่อนมีบทบาทเด่น)
  • DF: มาลอ กุสโต้, อักเซล ดิซาซี, เบอนัวต์ บาเดียชิล, เบน ชิลเวลล์/เลวี่ โคลวิลล์ (ยืดหยุ่นซ้ายอินเวิร์ต)
  • MF: มอยเซส ไคเซโด, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชื่อมครึ่งช่อง)
  • FW: ราฮีม สเตอร์ลิง/นอนี มาดูเอเกะ, มิคไฮโล มูดริก, นิโกลัส แจ็คสัน/คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

ทีมเยือน

  • GK: อลิสซอน เบ็คเกอร์
  • DF: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
  • MF: อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค ซโบสไล, ไรอัน กราเฟนเบิร์ค/เคอร์ติส โจนส์
  • FW: โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูเญซ/โคดี กัคโป

อ้างอิงเทรนด์การจัดทัพจาก WhoScored/SofaScore ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งนี้อาจมีการปรับตามความฟิต/โปรแกรมสะสม

วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญ

ตัวแปรความฟิต: เชลซีมีผู้เล่นคีย์แมนที่ประวัติบาดเจ็บเรื้อรังบางราย หาก เอ็นคุนคู/ชิลเวลล์ ฟิตพร้อมจะเพิ่มความหลากหลายเกมรุกและคุณภาพบอลสุดท้ายอย่างมีนัย ส่วนลิเวอร์พูลต้องลุ้นความพร้อมฟูลแบ็กและผู้เล่นแนวรุกที่มีโปรแกรมต่อเนื่อง

แรงกดดันสนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์ยังเป็นสนามที่เล่นยาก ลิเวอร์พูลต้องบริหารช่วง 15-20 นาทีแรกให้ผ่านแรงกระตุ้นจากเจ้าถิ่นและแฟนบอล หากเสียประตูเร็วจะทำให้ต้องเล่นเสี่ยงและเปิดพื้นที่สวนกลับ

รายละเอียดเกมรับริมเส้น: ดวล 1v1 ระหว่าง มูดริก/สเตอร์ลิง กับ โรเบิร์ตสัน/โกนาเต้ และ ดิอาซ กับ กุสโต้ เป็นจุดวัดผล หากเชลซีทะลุฟูลแบ็กได้จะสร้างโอกาสครอสคัทแบ็กลึกบ่อย ขณะที่ลิเวอร์พูลจะไล่ปิดไลน์ส่งเข้าในและตัดบอลสองเพื่อสวนเร็ว

ลูกตั้งเตะ: ลิเวอร์พูลได้เปรียบจากคุณภาพการเปิดของเทรนต์และการยืนตำแหน่งของฟาน ไดค์ ด้านเชลซีต้องลดฟาวล์ไม่จำเป็นในโซนอันตรายและจัดระบบมาร์กกิ้งให้รัดกุม

ฟันธงผลการแข่งขัน

รูปเกมคาดว่าจะสูสีและเข้มข้น เชลซีจะครองบอลในบางช่วงเพื่อดึงเพรส ส่วนลิเวอร์พูลจะคมในทรานซิชั่นและลูกตั้งเตะ เมื่อเทียบจังหวะสุดท้ายและความนิ่งในเกมใหญ่ ลิเวอร์พูลยังมีอาวุธมากกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ดีการเล่นที่เดือดในแดนกลางอาจทำให้สกอร์ไม่ขาด

สกอร์ที่คาด: เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล เหตุผล: ประสิทธิภาพลูกเซตเพลย์และทรานซิชั่นของทีมเยือนดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อเกมเปิดแลกในครึ่งหลัง แต่เชลซีมีโอกาสทำได้อย่างน้อยหนึ่งประตูจากครึ่งช่อง/คัทแบ็ก

แหล่งอ้างอิง

บทวิเคราะห์โดย: ทีเด็ด789

ติดตามบทวิเคราะห์ฟุตบอลคุณภาพจากทีมงานทีเด็ด789 ได้ทุกวัน

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อแอดมินได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน LINE@ : @Won789 หรือกด >> สมัครสมาชิกได้ << ทันที

WON789
ผู้ให้บริการ เว็บ คาสิโนออนไลน์ สล็อต แทงบอลออนไลน์ แทงหวย เกมส์ไพ่ 24 ชม.
บทความที่เกี่ยวข้อง

สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์
ไม่มีขั้นต่ำ ที่ดีที่สุด

WON789 เว็บพนันเกาหลี บาคาร่าเกาหลี และแทงบอลออนไลน์
สำหรับคนไทยในเกาหลี ฝากถอนออโต้ รองรับการใช้ เงินวอน

เราคือ เว็บพนันเกาหลี ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล เป็นผู้นำในการให้บริการอย่างครบวงจรไม่ผ่านเอเย่นต์ ทั้งเกมบาคาร่า สล็อต และแทงบอลออนไลน์ won789 มีบริการที่โปร่งใส ปลอดภัย และสะดวกสบาย ท่านสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ง่าย รวดเร็ว พร้อมทีมงานที่คอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การเล่น เว็บพนันออนไลน์เกาหลี ที่เหนือระดับและทันสมัย เหมาะสำหรับนักพนันทุกคน

©2025 WON789.COM  ALL RIGHTS RESERVED.
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ | คุกกี้
สมัครสมาชิกเข้าสู่ระบบ